วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นักลงทุน กะ ชาวประมง

นักลงทุนชาวอเมริกันนายหนึ่งกำลังยืนอยู่บนท่าเรือ ณ ชายฝั่งหมู่บ้านเม็กซิกันแห่งหนึ่ง ขณะที่มีเรือประมงลำหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาจอด แล้วเขาก็ได้เห็นปลาโอครีบเหลืองตัวโตๆกองอยู่บนเรือลำนั้น
ชาวอเมริกันเอ่ยชมชาวประมงพื้นเมืองที่จับปลาได้เก่ง ก่อนจะถามว่า
" คุณใช้เวลาในการจับปลาพวกนี้นานไหม"
ชาวประมงตอบว่า "ครู่เดียวเท่านั้นแหละครับ "
" อ้าว ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่อยู่นานอีกหน่อยเพื่อที่จะได้ปลามามากกว่านี้ล่ะ " เขาสงสัย
คนถูกถามตอบเรียบๆ "นี่ก็พอเลี้ยงครอบครัวในวันนี้แล้วครับ "
นักลงทุนผู้มาเยือนถามใหม่ "แล้วคุณเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไร "
" ผมก็ยุ่งทั้งวันแหละครับ นอนตื่นสายๆ จับปลาวันละนิดหน่อย เล่นกับลูกๆ นอนพักกลางวันกับมาเรีย ภรรยาของผม เดินเล่นในหมู่บ้าน จิบไวน์และเล่นกีต้าร์กับเพื่อนฝูงในตอนเย็นๆ "
คนอเมริกันจึงพูดอย่างกระหยิ่มว่า " ผมจบเอ็มบีเอจากฮาร์วาร์ด สามารถให้คำแนะนำคุณได้นะ อันดับแรกก็คือ คุณน่าจะจับปลาให้ได้เยอะกว่านี้ เพื่อที่จะได้ซื้อเรือลำโตๆ ผมจากการมีเรือลำโตก็จะทำให้คุณมีเงินมากพอที่จะซื้อเรือเพิ่มขึ้น จากนั้นคุณก็นำปลาที่จับได้ไปขายที่โรงงานโยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางแต่อย่างในตอนนี้หรือไม่ก็สร้างโรงงานเสียเอง ซึ่งคุณก็จะสามารถควบคุมได้ทั้งหมดนับตั้งแต่กระบวนการผลิต ผลผลิต ตลอดจนการจัดจำหน่าย ถึงตอนนั้นคุณก็สามารถย้ายจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆแห่งนี้ไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ จากนั้นก็ขยับขยายย้ายไปแอลเอ แล้วก็ไปนิวยอร์ก ที่ซึ่งคุณจะสามารถขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองได้ยิ่งขึ้น "
เมือฟังมาถึงตอนนี้ ชาวประมงก็ถามว่า " แล้วทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาสักกี่ปี ??"
" สิบห้าถึงยี่สิบปี "
" จากนั้นละ ??"
คนอเมริกันหัวเราะร่วนและบอกว่า " ที่นี้ก็จะถึงช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตละ เมื่อโอกาสเหมาะ คุณก็ควรจะทำหนังสือชี้ชวนขายหุ้น เพื่อขายหุ้นทั้งหมดให้แก่สาธารณะ แล้วคุณก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐี อาจทำเงินได้เป็นล้านๆเหรียญเลยก็ได้นะ "
" เป็นล้านๆ.......แล้วยังไงล่ะ "
คนอเมริกันแจกแจงต่ออย่างเพลิดเพลิน
" จากนั้นคุณก็ค่อยเกษียณตัวเอง ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ นอนตื่นสายๆ ตกปลาวันละเล็กๆน้อยๆ เล่นกับลูกๆ นอนพักกลางวันกับภรรยาที่บ้าน ตอนเย็นก็เดินเล่นในหมู่บ้าน จิบไวน์ และเล่นกีต้าร์กับเพื่อนฝูง..."

ชาวประมงก็บอกชาวอเมริกันว่า
"ก็ที่ผมทำอยู่นี่ไงครับ (ทำไมต้องเหนื่อยอีก 20 ปีเล่า)"

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ขายกระเป๋าหนังแท้ M-9312 ราคา 2500 บาท


กระเป๋าหนังแท้ สไตล์ Messenger Bag ทำจากวัสดุหนังวัวแท้
สวย ทนทาน เท่อย่างมีไสตล์
สามารถใช้ได้ทั้งชาย และหญิง
สามารถพกใส่ laptop ขนาดหน้าจอ 14" ได้สบายๆ
ภายในบุด้วยผ้าลายสวย มี 3 สีให้เลือก
ดำ (black)
น้ำตาล (dark brown) และ
สีแทน (light brown)

รหัสสินค้า: M-9312

ราคาปกติ 3,500 บาท
พิเศษสำหรับราคาหน้าเว็บ เพียง 2,500 บาทเท่านั้น

สนใจสอบถามข้อมูลและสั่งซื้อทาง 085-339-9629 (6.00-23.00น.)

Leave Employee / 3 / attitude guide book 2


หลังจากนั้นอีกไม่นาน ก็มีหนังสือที่ขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า อยู่เล่มหนึ่ง ตอนนั้นจำได้ว่า ไปไหนมาไหนก็เห็นคนอ่านหนังสือเล่มที่ว่า
คิดว่าหลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี...
...หนังสือดังกล่าวก็คือ "Rich dad Poor dad" หรือชื่อภาษาไทยว่า "พ่อรวยสอนลูก"
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีการดำเนินเรื่องได้อย่างสนุกสนาน น่าติดตาม และได้จุดประกายฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งรวมทั้งตัวผมด้วย...
ผมเริ่มอ่านเล่มแรกเมื่อตอนที่หนังสือออกวางขายถึงเล่มที่ 4 แล้ว เนื้อหาในหนังสือว่าด้วยเรื่องของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งมีพ่ออยู่ 2 คน สำหรับหรับคนที่ไม่เคยอ่านอาจจะสงสัยว่า แม่ของผู้เขียนเจ้าชู้เป็นนางวันทองหรืออย่างไร ถึงได้มีพ่อให้ลูกถึง 2 คนได้...
...เปล่าหรอกครับ ผู้เขียน (Robert Kiyosaki) มี "พ่อ" อยู่ 2 คน
คนแรกเป็นพ่อแท้ๆ ทำงานเป็นข้าราชการ นิสัยโดยธรรมชาติคืออนุรักษ์นิยม และมีฐานะธรรมดา ผู้เขียนจึงเปรียบเป็น "Poor dad"...
ซึ่งเมื่อเทียบกับพ่ออีกคน...ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนและทั้งสองครอบครัวมีความสนิทสนมกันผู้เขียนจึงนับถือเป็นพ่ออีกคน พ่อคนหลังนี้มีฐานะร่ำรวย และมักจะสอนผู้เขียนให้รู้จักคิด วางแผนและทำในแนวทางที่จะทำให้เกิดความมั่งคั่ง
ผู้เขียนจึงเปรียบเปรยพ่ออีกคนว่า "Rich dad"
จากหนังสือเล่มนี้และเล่มต่อๆมานี่เอง ที่ทำให้ฝันของผมถูกจุดประกายให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Leave Employee / 2 / attitude guide book


หลังจากที่มีโอกาสได้เรียนในสาขาวิศกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
เนื่องด้วยการที่ตัวเองมาจากสังคมชนบท เป็นลูกเกษตรกร ตอนอยู่ต่างจังหวัดก็ยังไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เข้าไปขลุกหรือสัมผัสกับชีวิตในเมืองสักเท่าไหร่ทำให้ตอนที่เรียนอยู่ปี1 ปี 2 ต้องใช้เวลาปรับตัวค่อนข้างเยอะ
ชีวิตจึงหมกมุ่นอยู่กับหนังสือเรียนวิชาต่างๆ ด้วยความที่ถูกปลูกฝังมาว่าต้องเรียนให้ได้เกรดเยอะๆ จบแล้วจะได้ได้งานทำในบริษัทใหญ่ๆ ดีๆ เงินเดือนเยอะๆ
ต่อเมื่อสักประมาณปี 3 ก็เริมมีความสนใจในหนังสือ ที่มากกว่าตำราเรียน
จำได้ว่าหนังสือเล่มแรกที่ซื้อคือ "การบริหารงานด้วยกลยุทธ์สามก๊ก" ของบุญศักดิ์ แสงระวี ที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือที่จัดขึ้นในมหาลัย
หลังจากลองอ่านได้ไม่กี่บท ก็ทำเอา "งงเป็นไก่ตาแตก" เนื่องจากตัวเองไม่มีความรู้ประวัติ สามก๊กมาก่อนเลย และที่ซื้อมาก็เพราะอยากรู้เรื่องสามก๊ก มากกว่าการบริหาร เลยอันตธานต้องวางไป อ่านไม่จบ...

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Leave Employee / 1 / background


วันนี้จะขอเขียนเรื่องที่มีความตั้งใจอยู่ และคิดว่าเพื่อนๆ หลายคนเองก็คงมี หรืออาจจะเคยมีความฝันเดียวกันนี้
ความฝันและความตั้งใจที่ว่า ก็คือ ...


" การได้เป็นนายตัวเอง "

การได้เป็นนายตัวเอง หรือจะกล่าวให้แคบลงไปอีกหน่อยก็คือการได้เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือมีกิจการเป็นของตัวเอง นั่นเอง

แล้วชีวิตลูกจ้างที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตมาจากไหนหละ?

ชีวิตผมโชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวทีอบอุ่น พ่อแม่ให้โอกาสกับลูกๆทุกคนเต็มที่ ให้ได้ทำในสิ่งที่แต่ละคนอยากเป็น และฝันอยากไขว่คว้า...
พ่อแม่ผมนั้นเป็นชาวนา ปู่ย่าตายายก็เป็นชาวนา แต่เป็นชาวนาที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุ่นให้กับลูกๆ หลานๆ
ผมเองจึงไม่ได้มีทุนรอนอะไรมาจากไหน ต้นทุนทางสังคมจึงถือว่าไม่สูง หรือเรียกได้ว่า " แทบไม่มีเลย " ก็ว่าได้...

เอาหละ...
ผมเชื่อว่า ไม่ใช่จะมีเพียงผมคนเดียวหรอก ที่มีพื้นหลังพื้นเพอย่างที่กล่าวมา
หรืออย่างน้อยๆ ก็คงหลายต่อหลายคนที่มีความเป็นมาคล้ายกันกับผม

ชีวิตผมเกิดในวิถีชิวิตในชนบท จบประถม 6 ก็จากโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จำได้ว่าสมัยประถมยังเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียนก็เคย จักรยานเพิ่งจะมีตอนหลัง ส่วนชั้นมัธยมผมก็เรียนโรงเรียนประจำอำเภอ โชคดีที่เป็นคนเรียนเก่งเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นด้วยกัน จบมัธยม 6 ได้เกรดเฉลี่ย GPA สูงที่สุดของโรงเรียน จึงทำให้มีโอกาสได้รับโควต้าเรียนต่อ " วิศวะลาดกระบัง " (ช่างเป็นคนโชคดีอะไรขนาดนี้ คริ คริ )

การได้มีโอกาศเรียนที่คณะวิศวะลาดกระบัง ทำให้ผมได้เปิดโลก จากโลกที่อาจจะเรียกได้ว่า " โลกกว้างใหญ่ภายใต้ใบกะลา "
ได้พบกับคามหลากหลายของผู้คน และความคิด และที่นี่เอง...
... ที่ที่ผมเริ่มมีความคิดที่อยากจะเป็น " เจ้าของธุรกิจ "


วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

M-9099


ขายกระเป๋าหนังแท้ รุ่นฮิต สไตล์คลาสสิก Bayswater
งานเนียบ จุของได้เยอะ ราคาพิเศษจาก 3000 ลดเหลือเพียง 2500 บาทเท่านั้น รีบด่วน ของมีจำนวนจำกัด

สอบถามเพิ่มเติมที่ 085-339-9629

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

หลักธรรมนำชัย มุ่งสู่ความสำเร็จ


วันนี้ขอนำเสนอหลักธรรม สำหรับผู้ใฝ่หาความสำเร็จ ดีมากๆๆๆเลยครับ

อิทธิบาท 4
คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ
๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน

ฉันทะ คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
วิริยะ คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
จิตตะ หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
วิมังสา หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Let's back H o m E ^_^"


วันนี้ต้องเดินทางกลับโคราชแล้ว ต้องกลับไปบวชที่วัดแถวบ้านสัก 17 วัน ยังคงตื่นเต้นอยู่
แต่ตอนนี้ต้องกลับแล้วอ่ะ เอาไว้สึกแล้วค่อยมาเขียนต่อดีกว่า

Hello my blogggg!!!

นี่เป็น Blog ที่ตั้งใจจะเอาไว้เขียน Diary ส่วนตัวเป็น Blog แรกเลยครับ
พอดีได้ไปอบรมที่ NEC เค้าสอนเรื่องการเขียน Web Blog เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับ e-commerce
แบบง่าย ๆ
เห็นแล้ว ทำไมมันสร้างง่ายจังเลย แต่ให้ Credit กับ Blogger.com ด้วยนะ เพราะทำแค่ 1,2,3...
เสร็จแล้ว .... และแล้วก็ได้ Web Blog เป็นของตัวเอง
เห็นคนอื่นเขียนแล้วก็อยากมีไว้บ้างอ่ะนะ